สมุนไพร ไทยใช้รักษาโรคที่เคยพบในประเทศ

เมืองไทยมีของดีอยู่มากมาย และหนึ่งในจำนวนนั้นก็ได้แก่ ยาสมุนไพรมากมายที่คนโบราณของเราใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ แต่ปัจจุบันเนื่องมาจากอารยะธรรมและอิทธิพลของตะวันตกแผ่เข้ามาอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมีความรู้สึกว่าความเป็นไทยเริ่มจะหมดไป จึงเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก

สมุนไพรในประเทศไทยนั้นมีมากมาย และปัจจุบันก็ได้มีการตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แม้กระทั่งโครงการใน พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ได้โปรด ให้รวมไว้เข้ากับโครงการ

สมุนไพรบางอย่างนั้นบางทีเราเห็นเป็นเพียงท่อนไม้ธรรมดา แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านก็ได้ทำการทดลองและพิสูจน์และปรากฏว่า สามารถรักษาโรคได้มากมายอย่างน่าพิศวง ขอมูลนี้เป็นการรวบรวมสมุนไพรที่สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้ดีของสำนักวัดถ้ำอุโมงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการค้นคว้าสมุนไพรที่ใหญ่แห่งหนึ่งของภาคเหนือมาเสนอแก่ท่านหวังว่าท่านคงจะได้รับประ โยชน์จากมันพอสมควร

การรู้จักป้องกันรักษาโรคที่เริ่มเป็นนั้น มันรักษาง่ายไม่ต้องเสียทรัพย์และเสียเวลาทนทุกข์ทรมาน และเสียเวลาทำมาหากิน เปรียบเหมือนไฟกำลังจะไหม้บ้าน ถ้าเรารู้เท่าทันน้ำขันเดียว หรือผ้าขี้ริ้วผืนเดียวเราก็ดับไฟได้ แต่ถ้าเรารู้เท่าไม่ถึงกาล ปล่อยให้ไฟลุกลามไปมากแล้ว ถึงแม้น้ำมากมายก็เป็นการยากที่จะดับไฟได้ ฉันใดก็ฉันนั้น เพราะฉะนั้นการรู้จักดูแลสุขภาพ และรู้จักใช้ยาสมุนไพรที่ใกล้มือเราปฐมพยาบาลด้วยวิธีง่าย ๆ ประหยัด และทั่วถึง จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของเราทุกคน ทุกเพศทุกวัย ชีวิตจึงจะมีความสุขความเจริญก้าวหน้า เมื่อเรามีสุขภาพดี ร่างกายสมบรูณ์ จิตใจ ย่อมมีความสดชื่นแจ่มใส ไม่ว่าจะเป็นทางการงาน ทางวาจา และทางกิริยาต่าง ๆ ที่แสดงออกมา ย่อมมีความสุภาพอ่อนโยนนี้ เป็นมูลฐานช่วยสร้างเสริมบุคลิกและสง่าราศีให้แก่ตนเอง เมื่อเราไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ร่างกายย่อมสมบูรณ์ จิตใจแน่วแน่มีอารมณ์ดี มีภูมต้านทานดีต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคในชีวิตประจำวัน แม้ว่าทางสังคมมีความวุ่นวาย มีคนมารบกวนก้าวร้าวเราก็มีอารมณ์ดีอภัยให้กันได้ ลักษณะอย่างนี้เป็นบรรทัดฐานความเป็นอยู่ในการดำรงชีวิตประจำวัน เป็นมูลฐานป้องกันโรคพยาธิ ตัดต้นตอเหตุร้ายนานาประการไม่ให้เกิดขึ้น ขอให้ท่านผู้อ่านจงพิจารณาแล้วปฏิบัติอยู่ในทำนองครองธรรมชีวิจึงจะมีความสงบสุข ต่อไปจะได้กล่าวถึงตำรายาสมุนไพรให้ท่านที่สนใจได้ทราบและนำไปให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ยาส้ม

ยาส้ม เป็นยาที่ท่านพระอาจารย์ชอบใช้มากขนานหนึ่ง วิธีทำยากมาก เวลาจะทำต้องเสียเวลาตระเตรียมกันเป็นเวลานาน และการทำบางครั้งก็ขัดข้อง พอจ่ายยาใกล้จะหมด พระอาจารย์จะต้องสั่งให้จัดการกลั่นไว้ใหม่ เผื่อว่าใครมาขอจะได้มีให้ ทั้งนี้ก็ด้วยความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของท่าน ( ส้ม ในภาษาอีสารแปลว่า เปรี้ยว เพราะนั้นยาส้มก็คือยาเปรี้ยว แต่ยานี้เปรี้ยวเพราะกรดบางอย่าง ไม่ใช่เพราะมะกรูดหรือมะนาว )

ให้เอา เกลือ สารส้ม ดินประสิว จุนสีสี่อย่างนี้อย่างละเท่า กัน อย่างน้อยต้องหนักอย่างละ ๑๐ บาท ( ๑๕๐ กรัม ) ทั้งนี้สุดแต่ภาชนะที่ใช้กลั่นจะบรรจุได้มากเท่าใด ถ้าภาชนะที่จะใช้บรรจุลงได้มาก จะเอาอย่างละมาก ก็ได้ แต่ต้องให้มีน้ำหนักเท่ากัน ไม่ให้ขาดหรือเกิน เป็นต้นว่า ใช้เกลือหนัก กก. อีกสามอย่างก็ต้องชั่งให้ได้ กก. เท่ากันหมด

วิธีทำ การต้มกลั่นต้องใช้ภาชนะที่ทนต่อความร้อน ห้ามเอาภาชนะที่เป็นโลหะ เท่าที่ท่านพระอาจารย์ท่านเคยทำ ท่านใช้ไหกระเทียมสมัยก่อนที่มาจากเมืองจีน หม้อดินก็ใช้ไม่ได้ เมื่อไดภาชนะที่จะกลั่นมาแล้วก็เอาตัวยาทั้งสี่อย่างบรรจุลงไป ไม่ต้องผสมน้ำใช้กลั่นแห้ง ตามสภาพของตัวยา ใช้ไหกระเทียมอีกลูกหนึ่งมาเป็นภาชนะรองรับน้ำยา ใช้หลอดแก้วใสเป็นท่อต่อระหว่างปากไหทั้งสอง ถ้าไม่มีหลอดแก้วจะใช้ขวดแก้วขาดตัดกันออก แทนก็ได้ เอาก้นขวดใส่ทางปากไหที่ใส่ตัวยา เอาปากขวดใส่ทางไหที่รองรับ ปิดปากไหทั้งสองด้วยดินเหนียวที่นวดไว้อย่างดี ให้แน่นหนาสนิท การกลั่นต้องรักษาระดับไฟ ในระยะแรกต้องไม่เร่งจนเกินไป ค่อย เร่งไปให้ร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อย ตามลำดับ ถ้าเร่งไฟให้รอนมากจนเกิน อาจทำให้ระเบิดได้ ส่วนไหที่รองรับน้ำยานั้นก็ต้องใช้ความเย็นช่วย โดยเอาผ้าชุบน้ำคลุมไว้แล้วน้ำเย็นลดให้เย็นอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ไอกลายเป็นหยดน้ำ และช่วยดูดไอมาจาไหที่กลั่นด้วย การกลั่นยาส้มนี้ถ้าตัวยามากก็ต้องใช้เวลามากหน่อยกว่ายาจะ จืด ก็ต้องเสียเวลาเป็นวันหรือทั้งวันทั้งคืน ถ้าจะดูว่ายาจืดหมดหรือยัง ให้สังเกตที่หลอดแก้ว ในตอนแรก จะมีควันสีขาว เมื่อตัวยาถูกความร้อนจัดเข้าจะละลายแล้วเดือดเต็มที่ ควันในหลอดแก้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ถ้าเร่งไฟร้อนจัดเกินไป ไฟจะเป็นสีเหลืองแก่และแดงลง ถ้าควันในหลอดแก้วออกเป็นสีแดงเข้มมากเกินไปให้ผ่อนไฟลงหน่อย ถ้าปล่อยนานจะเผาไหม้หมดก่อนและได้น้ำยาน้อย ขณะกำลังกลั่น ยากำลังเดือดและไอกำลังไหลออกมาตามหลอดแก้วนั้น ไหที่รองรับน้ำยาต้องรดน้ำให้เย็นอยู่ตลอดเวลา ระวังอย่าให้น้ำที่ทำความเย็นนั้นกระเซ็นไปถูกหลอดแก้วแก้วจะแตกเสียก่อน เมื่อตัวยาหมด ควันในหลอดแก้วจะกลับขาวขึ้น อีกครั้งหนึ่ง เมื่อตัวยาหมดแล้วให้ถอยไฟออก ทิ้งไว้ก่อนประมาณซักชั่วโมงหรือกว่านั้นก็ได้ เพื่อให้ความร้อนลดลง แล้วจึงค่อย แกะดินเหนียวที่หุ้มปากไหออก ที่ด้านไหนก็ได้แล้วแต่สะดวก ยกไหที่รองรับน้ำยาออกตั้งไว้ แล้วหาขวดมีฝาจุกเป็นแก้วมาบรรจุตัวยาเก็บไว้ต่อไป

สรรพคุณของยาส้ม อันยาส้มนั้นเป็นยาครอบจักรวาล ใช้แก้ได้หลายอย่าง เช่นแผลสด มีดบาดหรือตะปูตำ ใช้สำลีชุบยาส้มป้ายที่แผล แผลจะหาย ( แต่ต้องทนแสบเอานิดหน่อย ) แผลเปื่อยก็ใช้ได้ แต่ไม่ใช่หิดเปื่อยพุพอง แผลเปื่อยเรื้อรังต่าง เวลาใส่ยาใส่ยาส้มจะมีอาการแสบ เมื่อหายแสบแล้วแผลจะแห้งตกสะเก็ดหายไปเอง ถ้าจะแก้โรคต่าง เกี่ยวกับเลือด เป็นต้นว่าสตรีออกลูกแล้วอยู่ไฟไม่ได้ หรือคลอดบุตรแล้วเลือดตกมาก หรือเป็นมุตกิดระดูขาวผอมแห้งแรงน้อย มักเป็นลมหน้ามืดตาลาย ฯลฯ ให้ใช้ยาผสมน้ำสะอาด ( ถ้าได้น้ำฝนยิ่งดี ) พอให้มีรสเปรี้ยวเท่ากับน้ำมะนาวหรืออ่อนกว่านิดหน่อย รับประทานครั้งละครึ่งถ้วยแก้ววันละสามเวลา รับไปเรื่อยจะหายเป็นปกติ โรคเกี่ยวกับสตรีนั้นใช้ได้ผลมาก อนึ่งโรคปวดท้องเกี่ยวกับมดลูกและอื่น ใช้เห็นสรรพคุณมามากแล้ว

ถ้าเป็นตาแดง เจ็บตา ตาแฉะ ให้เอาส้มผสมน้ำให้มีรสพอรู้สึกเปรี้ยว หยอดตา จะหายเจ็บหายแฉะ หายจากเป็นตาแดง ตามลำดับ

การใช้ยาส้มรักษายาภายนอก นอกจากรักษาบาดแผลแล้วยังแก้อสรพิษต่าง ได้ดีอีกด้วย เป็นต้นว่าตะขาบกัด แมลงป่องต่อย ปลาดุกยักก็เอายาส้มแก้ไขได้ ถ้างูพิษตะขาบหรือแมลงป่อง ใช้เข็มบ่งปากแผลให้มีเลือกออกนิดหน่อยเสียก่อน แล้วเอายาส้มใส่ที่แผล ความเจ็บปวดและอาการพิษอื่น จะหายในทันที

สำหรับแก้อาการปวดฟัน แมงกินฟัน รากฟันเน่า ใช้สำลีชุบยาส้มแปะที่รูของฟันหรือรากฟันที่เน่า อาการปวดจะหายเป็นปลิดทิ้ง ฟันเป็นรำมะนาด และลิ้นเป็นซางก็ใช้ยาส้มใส่ได้ผลดี ลิ้นเปื่อยเป็นแผลก็เช่นกัน อนึ่ง สำหรับโรคเกี่ยวกับฟันจะใช้กากของยาส้ม ( ที่เหลืออยู่ในไหที่ใช้กลั่น ) ก็ได้ กากนี้เอามาบดใช้แทนยาสีฟันก็ดี

การเก็บรักษา ตัวยาส้มเป็นกรดชนิดหนึ่ง จะบรรจุภายในภาชนะ ที่เป็นโลหะต่าง ไม่ได้ เช่นสังกะสีหรือดีบุกถ้าเอายาส้มใส่จะทะลุภายใน หรือ ๑๐ นาที ต้องใช้ภาชนะที่เป็นแก้วเก็บรักษาไว้ ฝาจุกก็ควรเป็นแก้วด้วย อย่าใช้ฝาจุกอย่างอื่นยาจะกัดผุหมด

หมายเหตุ ถ้ายาส้มหยดถูกเสื้อผ้าให้รีบเอาไป ซักน้ำโดยเร็วมิฉะนั้นผ้าจะขาด การใช้ยาส้มรักษาผ้าต่าง นั้นห้ามใช้ตัวยาล้วน นอกจากใช้รักษาแผลและแก้พิษร้ายต่าง ตามธรรมดาต้องเจือน้ำหลายเท่า เวลาคนมาขอท่านพระอาจารย์มักจะให้ยาที่เจือจางไว้ก่อนแล้ว ไม่ใช่ให้ตัวยาล้วน เพราะเกรงว่าเอาไปใช้ไม่ถูกจะเกิดอันตรายขึ้น โดยเฉพาะการใช้ในโรคตาต้องเจือน้ำให้อ่อนที่สุด เพียงมีรสเปรี้ยวนิดหน่อยเท่านั้น

วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ยากรรมฐานโอสถ

( ใช้แก้ไข้เข้าใจว่าไข้ป่าหรือมาลาเรีย ) ใบมะขามแขกหนัก ๑๕ บาท ลูกเร่วหนัก ๑๐ บาท สมอดีงูหนัก ๑๕ บาท ยาดำหนัก บาท มหาหิงคุ์หนัก บาท ขิงแห้งหนัก ๑๐ บาท เทียนดำหนัก ๑๐ บาท อบเชยหนัก ๑๐ บาท ขมิ้นชันหนัก ๑๐ บาท ไพลหนัก ๑๐ บาท กระเทียมหนัก ๑๐ บาท เกลือสินเธาว์หนัก ๑๐ บาท น้ำตาลกรวดหนัก ๑๐ บาท หัวหอมหนัก ๑๐ บาท ผลสมอไทยหนัก ๑๐ บาท กำมะถันหนัก ๑๐ บาท ดินประสิวหนัก บาท ข่าหนัก ๑๐ บาท โกฏทั้ง สิ่งละ บาท เทียนทั้ง สิ่งละ บาท ดีปลีหนัก บาท พริกไทยหนัก ๑๐ บาท ฝอยลมหนัก ๑๐ บาท ดอกจันทร์หนัก ๑๐ บาท กานพลูหนัก ๑๐ บาท กระวานหนัก ๑๐ บาท มะขามเปียกหนัก ๑๐ บาท ให้เอายาทั้งหมดบดเป็นจุณ ใส่กระทะทำพิธีมีขันธ์ ขันธ์ ดอกไม้ขาว ด้ายสายสิญจน์ใส่เฉลวสี่มุมยกขึ้นตั้งเตาไฟ ใส่น้ำผึ้งน้ำนมอย่างละ กระป๋อง น้ำมันงา ขวด ผู้ทำยาถ้าเป็นคฤหัสถ์ต้องสมาทานศีลแปด แล้วสวดพุทธคุณ ๑๐๘ จบผู้กวนอีกคนหนึ่ง ห้ามซักดุ้นฟืนไปใช้ในที่อื่นห้ามคนเข้าออก

ยายอดเขาพระสุเมรุราช

ให้เอาเจตมูลเพลิง สลึง ใบกระวาน สลึง เทียนเยาวภาณี บาท การบูร บาท ลูกจันทร์ บาท กานพลู บาท ตำเป็นผงละลายน้ำร้อนกินครั้งละเท่าผลพุทรา แก้ลมถายนอกภายใน ถมขึ้นจากเท้าถึงบน แก้เหน็บชา แก้ร้อน เย็น แก้ลมสันดารขึ้นมาแต่เท้า แก้ไอเสมหะหางโค ( เสลดหางวัว ) แก้แน่นหน้าอกกลืนอะไรไม่ได้ แก้ธาตุทั้ง เสีย แก้ลงท้อง ท้องตึง แก้ลมอันทพุทษ์ แก้ลมอัสสาสะปัสสาสะ ทำให้ขัดหน้าอกและหลัง กลืนข้าวกลืนน้ำไม่ได้ ทำให้ผอมแห้งลงไป แก้สันนิบาต ๑๒ จำพวกหายแล

วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ยาอนันตคุณ

ใช้แก้โรคทั่วไป ( เข้าใจว่าเป็นประเภทยาบำรุง ) ให้เอา ใบมะตูมหนัก บาท กับ สลึง ใบคนทีสองหนัก บาท สลึง ใบขี้เหล็กหนัก บาท สลึง ไพลหนัก บาท สลึง กระชายหนัก บาท สลึง ขิงหนัก บาท สลึง หว้านน้ำหนัก บาท ขมิ้นอ้อยหนัก บาท บอระเพ็ดหนัก บาท ดีปลีหนัก บาท สลึง พริกไทยหนัก ๑๘ บาท สลึง

เครื่องยาที่เป็นของสดก็หั่นตากแห้งและก็ตำเป็นผงรวมเข้าด้วยกัน น้ำกระสายใช้น้ำผึ้งหรือน้ำร้อนืกินแก้ลมต่าง ระบายลมดี

ยาต้มแก้ลมอัมพาตราธยักษ์ ลมบ้าหมู บ้าต่าง ๆ

ท่านให้เอารากชะพลู กระวาน หญ้าปากควาย แห้วหมู ตรีกระตุก จันทร์ทั้งสอง บอระเพ็ด ลูกกระดอม ขมิ้นอ้อย ต้ม เอา กินแก้ลม ๑๒ จำพวกหายแล

ยาแก้ไอสิบปี

ถ้าเป็นโรคไอเรื้อรังอยู่มิรู้หายท่านให้เอาบุกรอ เกลือ ๑ หว้านเปราะ ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน ขมิ้นขาว พริก ขิง กระเทียม กลอย เอาอย่างละเท่า กันตำเป็นผงละลายน้ำผึ้งกินหายแล

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ยามหาสมมิทธิ์

ท่านให้เอาดอกบัวแดง ดอกจำปา ดอกกระดังงา ดอกสาระภี ดอกพิกุล ดอกบุนนาค ดอกการะเกด ดอกลำเจียก ดอกมะกรูด ดอกมะนาว ๑ ดอกส้มโอ ดอกส้มซ่า ดอกสะเดา ดอกพะยอม ดอกโยทะกา ดอกกุ่มน้ำ ดอกกุ่มบก ดอกมหาหงส์ ดอกข่า ดอกจันทร์แดง ดอกจันทร์ขาว ผลจันทร์ ดอกจันทร์ กระวาน กานพลู ใบพิมเสน อบเชยเทศ อบเชยไทย ชะลูด ชะเอมทั้งสอง รากระย่อม รากไคร้เครือ ค้อนกลอง ทองพันชั่ง พิศนาท กรุงเขมา เนระพูสี เบญกานี เทียนทั้ง โกฏทั้ง ๑๑ กฤษณา กะลำพัก ขอนดอก ชะมดเชียง ชะมดเช็ด พิมเสน อำพันทอง อำพันมูลปลา หญ้าฝรั่น รวมยา ๗๗ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ทำให้เป็นจุณ บกกระสายยักใช้ตามควรแก่โรค แก้ลมจุกเสียด ลมแน่นในหน้าอกในท้อง ท้องรุ้งพุงมานและไส้เลื่อน แก้หืด แก้หอบ แก้โลหิต แก้เสมหะ แก้ลมทั้ง ๑๐๘ จำพวก แก้ชักสะดุ้ง แก้จักษุมืด จักษุมัวและหูหนัก แก้เสียงแห้ง ผอมเหลือง แก้กาฬในอกแลลมอันมีพิษ แก้มะ เร็งคุดทะราดและลมกระษัย ลมดาลทิคุณ ลมชักปากเบี้ยว จักษุแหก มือตายเท้าตายและเหน็บชา แก้ไอจาม เมื่อยขากรรไกร ลิ้นกระด้างคางแข็ง แก้ลมปัฏฆาตราธยักข์ และลมกระทกทั่วสรรพางค์กาย แก้ลมอาเยนให้บวมมือบวมเท้า ลมอัศวาต ลมจับหัวใจให้คลั่งเพ้อไปต่าง ยานี้อาจบำรุงธาตุทั้ง ให้บริบูรณ์

ยารุลม

ให้เอาสมอทั้ง มะขามป้อม กระเทียม มหาหิงคุ์ น้ำประสานทอง ลูกจันทร์ ลูกกระวาน กานพลูใช้มากกว่าเขา สีเสียดเทศเท่ายาทั้งหลาย บดเป็นลูกกลอนกินกะน้ำผึ้งดีแล

วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

ยาถ่ายกระส่ายกร่อน

ถ่ายเลือดและลม ท้องผูกเป็นพรรดึกเป็นก้อนและเป็นดาน ถ่ายน้ำเหลืองเสียและบวมก็หาย ให้เอาบอระเพ็ด เจตมูลเพลิง ขิงแห้ง สีเสียดเทศ เอาหนักสิ่งละ บาท แต่สีเสียดนั้นเอาหนักสองสลึงใช้น้ำผึ้งเป็นกระสาย ให้รับประทานเท่าเมล็ดพุทรา

ยานันทธาตุ

ให้เอาผักเสี้ยนผี ผักหนอก ใบมะตูม กระเพาะทั้ง ใบสะเดา ใบประคำไก่ รากชะพลู เจตมูล รากตองแตก บอระพ็ด หว้านน้ำ หัวหญ้าแห้วหมู เมล็ดผักชี ดีปลี พริกไทย ลูกจันทร์ ลูกเร่ว ลูกกระวาน กานพลู โกฏทั้งห้า เทียนทั้งห้า มหาหิงคุ์ กระเทียม เขม่าไฟ เกลือดิน ขิงแห้ง พิมเสน การบูร น้ำกระสายใช้น้ำข่า น้ำขิง น้ำร้อนหรือสุราก็ได้ เหล่านี้ใช้แก้อหิวาตกโรคใช้น้ำกระสายน้ำลูกยอปนน้ำขิงแก้ลมจุกแดกได้ทุกอย่าง แต่ห้ามใช้ในคนเป็นไข้และคนมีครรภ์

ยาแก้ไข้ออกตัวร้อน

ให้เอาผักหนอก หญ้าไทร หินแห้ข้าว แช่กินดีนักแล

วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

ยาแก้เจ็บอก

ให้เอาขิง กระเทียม พริกไทย ดีปลี เกลือ ใช้น้ำมะนาวเป็นน้ำกระสาย กินดีแล

ยาอายุวัฒนะเจริญอาหาร

ให้เอามหาหิงคุ์ บาท ยาดำ บาท รากตองแตก บาท หัสดำเทศ บาท หว้านน้ำ บาท กานพลู บาท รากชะพลู บาท เจตมูลเพลิง บาท เกลือสินเธาว์ บาท การบูร บาท หัวหญ้าแห้วหมู บาท บอระเพ็ด บาท ผลกระวาน บาท กระเทียม บาท ขมิ้นอ้อย บาท พริกไทย บาท ดีปลี บาท ผลกระดอม บาท ใบสะเดา บาท โกฏพุงปลา สลึง โกฏสอ สลึง รวม ๒๑ สิ่งด้วยกัน ตำผงผสมน้ำผึ้ง หรือน้ำส้มซ่าหรือน้ำส้มต่าง หรือน้ำร้อนก็ได้ รับประทานเวลากลางวันเท่าลูกเสมอ ชูกำลัง เจริญอาหารอย่างเอก แก้ลมร้อยจำนวนพวก แก้ลมกะษัย แก้ริดสีดวงต่าง อายุยืนยิ่งนักแล

ยากะษัยวิเศษ

แก้เส้นทำให้ขัดข้อและเส้นตึง กับทั้งเป็นยาอายุวัฒนะด้วย ให้เอาสะค้าน บาท เครือเห้า บาท เปลือกมะไฟตง บาท กุ่มน้ำ ๑ บาท กุ่มบก บาท มะตูม บาท เจตมูลเพลิง บาท หัวไพล บาท ดีปลี บาท หัวข่า บาท หัวขิง บาท พริกไทย บาท กระวาน บาทลูกเร่ว บาท พริกขี้หนู บาท กระทือ บาท มหาหิงคุ์ ๑ บาท หว้านน้ำ บาท ผิวมะกรูด บาท เกลือ บาท ตำผงผสมน้ำผึ้งรับประทานเวลาเข้านอนทุกวัน ก้อนประมาณเท่าลูกมะขามป้อมโต จะอ้วนท้วนมีกำลัง

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

ยาพรหมประสิทธิ์

ให้เอาสมอไทย บาท สมอภิเภก บาท สมอดีงู บาท สมอเทศ บาท กระเทียม บาท มหาหิงคุ์ บาท กระวาน ๑ บาท น้ำประสานทอง บาท ลูกจันทร์ บาท ผลสลอดทั้งเปลือก บาท ( ไม่ต้องฆ่า ) กานพลู ๑๘ บาท รวม ๑๑ สิ่งนี้นำผงผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนเท่าเมล็ดในฝ้าย ห่อด้วยเยื้อมะขามเปียก รับประทานเวลาเช้าก่อนอาหาร เป็นยาถ่ายแก้เหน็บชา ถ่ายเส้น ถ่ายลม ถ่ายกะษัย วัณโรค เป็นยาอายุวัฒนะด้วยดีแล.

ยาแก้ท้องเป็นก้อนเป็นดานจุกเสียดต่าง ๆ ฟกบวม

ลูกกระวาน บาท ขิงแห้ง บาท โกฏสอ บาท โกฏพุงปลา บาท โกฏหัวบัว บาท หว้านน้ำ บาท เทียนข้าวเปลือก บาท เทียนดำ บาท เทียนแดง บาท สมอเทศ บาท ลูกสลอด บาท สิบเอ็ดสิ่งนี้บดเข้ากันให้ละเอียดเป็นผงแล้วละลายน้ำร้อนรับประทานดี ถ้าทำเป็นลูกกลอนต้องเอาน้ำหว้านไฟเป็นน้ำกระสาย ปั้นเป็นลูกกลอนเท่าเมล็ดฝ้าย รับประทานครั้งละหนึ่งก้อน ถ้าจะให้ถ่ายรับประทานครั้งละก้อน ยานี้ถ้ารับประทานมากถ่ายท้อง รับประทานน้อยเปิดลมดี ถ้าถ่ายแล้วให้ใช้ยาบำรุงธาตุมีแก่นมะขาม แก่นมะเกลือ แก่นชายเด็น แก่นเป็น แก่นข่าลิ้น ต้มกินบำรุงธาตุดีแล

ยาแก้เจ็บท้องกะษัย

มะนาวทั้งห้า ( ราก , เปลือก , แก่น , ใบ , กิ่ง ) แก่นขี้เหล็ก แก่นจำปาขาว หัวข่า เครือตาปลา บอระเพ็ด ท่อนประมาณท่อนละคืบ หัวขิง แก้ดิบ สมอ ๑๕ ผล เสกพระเจ้า พระองค์ใส่ด้วย เวลาต้มอย่าให้คลุกคลีในเตาไฟ คือไม่ให้ปิ้งและย่างอะไรต่ออะไรใส่เวลาต้มอยู่และไม่ให้เปลี่ยนดุ้นฟืนทางนี้ไปใส่ทางนั้น ต้มกินหายแล

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

ยาแก้นิ่ว นิ่วในไต

ท่านให้เอาเถาออกดอกคอนสวรรค์ ( ผักชีฝรั่ง ) หัว ( ไส้ ) สับประรด ติว ( ผิว ) ไม้ราก และสารส้มประมาณก้อนเท่าหัวแม่มือ รวมกันต้มกินหายและ

ยาแก้ไข้ตัวร้อน

ท่านให้เอารากหมอน้อย ( กรุงเขมา ) รากยานาง ( หรือหญ้านาง ) รากผักหวาน รากก้านตรง รากหดข่าน้อย รากหญ้านางแดง จันทร์แดง ฝนรวมกันแล้วให้กินหายแล

ยาแก้โรคริดสีดวงต่าง ๆ

ท่านให้เอารากกงสะเด็น ( กระโดนเตี้ย หรือ กระโดนดิน ) มากพอสมควร ใส่หม้อแล้วต้มกินหายแล ( รากกงสะเด็นนี้ท่านอาจารย์ใช้เป็นประจำ ได้ผลดีมาเป็นอย่างมาก )

วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

ยาหยอดแก้โรคตาทุกชนิดดีมาก

ไพล กานพลู สารส้ม พิมเสนดีเอาหนักสิ่งละ บาท เอาไพลฝานให้บางแล้วเอาใบพลูรองก้นซึ่ง เอายาทั้ง อย่าง วางบนใบพลูนึ่งให้สุกตำให้ละเอียดเอาน้ำฝนใส่ ใช้ผ้าขาวสะอากกรองเอาแต่น้ำหยอดตาวันละ - ครั้ง เสกด้วยสหัสเนตรโตเทวินโททิพย์พะจักขุงวิโสทายิ อิกะวิติ พุทธะสังมิ โลกาวิฑูร แก้โรคตาต้อ ตาแดง ตาลม ตามัว เมื่อหายแล้วให้ทำบุญให้เจ้าของยา น้ำหนักยานี้เอาหนักสิ่งละไม่ถึง บาทก็ได้

ยาขับปัสสาวะ

รากต่อไส้ รากมะดูก แก่นสน ขิงแก่ สารส้ม ยอดสับปะรด ใบมะนาว หัวหอมแดง ๑๐ ดินประสิวขาว ๑๑ เกลือสินเธาว์ ๑๒ พริกไทย ๑๓ ฝักคูน ยาทั้ง ๑๓ สิ่ง เอาหนักสิ่งละ ๑๕ กรัม ๑๔ รากเตยหอม ๑๕ รากลำเจียก ๑๖ รากเดือยหิน รากทั้งสามนี้เอารากอากาศ ๑๗ รากมะพร้าวไฟ ๑๘ หญ้าถอดปล้อง ๑๙ หญ้าไซ ยาทั้ง สิ่งนี้หนักสิ่งละ ๓๐ กรัม มะนาวคั้นเอาแต่น้ำหนัก ถ้วยชาจีน สับปะรกสุกคั้นเอาแต่น้ำ ถ้วยชาจีน ลูกมะเฟืองสุก คั้นเอาแต่น้ำ ถ้วยชาจีน น้ำตาลทราย ถ้วยชาจีน ยาทั้งหมดสับเอาให้แหลกใส่หม้อยาเคี่ยวตามวิธีแผนโบราณ คือ น้ำ ส่วน เอา ส่วน กินไม่เลือกเวลา กินมากขับมาก กินน้อยขับน้อย

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

ยาแก้ไข้พื้นบ้าน

รากมะเดือชุมพร รากคนทา รากเท้ายาม่อม รากชิงชี่ รากหญ้านาง เม็ดผักชี รากชะเอม ยาทั้ง สิ่ง เอาส่วนเท่า กันเสมอภาค สับให้ละเอียด ต้มน้ำ ส่วน เอาหนึ่งส่วน กินก่อนอาหารครั้งครึ่งแก้วกาแฟ หรือ ๖๐ ซี.ซี. ถ้าเด็กก็ลดลงตามขนาดเด็ก พอกินยาแล้วจึงประกอบยาชโลมภายนอก เอา ใบตำลึง ใบมน ใบตำลึงใบจักร หัวคูน ใบมะขาม ใบหญ้านาง ขี้วัวสด เอาห่อใบตองปิ้งไฟเสียก่อน ทิ้งให้เย็น ดินประสิวขาว ยาทั้งหมดเอาเท่า กัน เสมอภาค ตำให้ละเอียดละลายน้ำซาวข้าวชาโลมตัว ถ้ามีอาการกระหายน้ำ ให้เอา รากบัวหลวง เปลือกรากมะกอกใบดิน หญ้าแพรก หญ้าปากควาย เอาเท่ากันเสมอภาค แช่น้ำให้กิน

ยาแก้ขับพิษผู้ติดยาเสพติด

ตะไคร้รักษาหัวใจ ใบหญ้าคาล้างพิษ ผักบุ้งรักษาตา ใบระหุ่งรักษาผิว เอาส่วนผสมทั้งหมดเสมอภาค นำมาต้มให้เดือด ปล่อยให้ไอระเหยไปรมตัว ผู้ซึ่งถอนพิษยาแล้ว ไอระเหยของสมุนไพรจะซึมเข้าสู่รูขุมขน และลมหายใจเข้าออกทำให้เกิดการขับถ่ายของเสียออกจากรูเหงื่อ และเกิดความสดชื่นจากไอระเหยของสมุนไพร หลังจากนั้นจึงไปอาบน้ำอุ่นอีกครั้ง และน้ำเย็นอีกครั้งเพื่อเป็นการชำระล้างจนสะอาดหมดจด

ยาแก้บิด

ใบมะกา ใบฝรั่ง พระยามูลเหล็ก ขิงแห้ง พริกไทยสิ่งละ กำมือต้มกับน้ำปูนใสกิน เสกด้วยบารมีพระพุทธเจ้า และอาวุธพระพุทธเจ้าและบทถอนโบสถ ถอนเสมาและบทอาวุธต่าง ด้วยจะดีมาก

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

ยาเลือดคลอดบุตร

ยานี้บดเป็นผงห่อผ้าขาวบางดองสุราหรือกินกับสุราก็ได้ น้ำคาวปลาแห้งมดลูกเข้าอู่เร็วร่างกายแข็งแรงดี เด็กที่คลอดใหม่ก็แข็งแรงกรีกะตุก จันทนา เม็ดผักกาด จันชะมด ลูกเล่ว อบเชย น้ำประสาน เกสรบัว กดพุงปลา ดอกบุญนาค การบูร ดอกสายบัว พิมเสน จันทร์ ทั้งสองสิ่งละ บาท กดกระดูก เปราะหอม เทียนดำ พริกไทย กระเทียม ลูกสลอด หนักสิ่งละ บาท กานพลูหนัก บาท ดอกจันทร์หนัก บาท ลูกจันทร์หนัก บาท สมอดีงูหนัก บาท ไพรหนัก บาท ยาทั้งนี้จะเอาหนักสิ่งละครึ่งก็ได้

ยาแก้น้ำร้อนลวกหรือไฟลวก

เอาไข่ไก่ดิบสด เอาแต่ไข่ขาวทาบริเวณที่ถูกน้ำร้อนลวกหรือไฟลวก แล้วเอาไข่แดงผสมกับน้ำมันมะพร้าว และน้ำปูนใสตีไข่แดงให้ฟูทาทับลง ไปและที่เป็นแผลก็ใส่ได้ ไข่ขาวที่ทาครั้งแรกอย่าล้างระวังอย่าให้ถูกน้ำ

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

ยาพอกแผลเบาหวานหรือแผลอื่น ๆ เป็นการเรียกเนื้อให้งอก

เอาไข่ไก่ต้มให้ไข่แดงแข็งมากที่สุด เอาแต่ไข่แดงไข่ขาวไม่เอา เอาไข่แดงบดให้ละเอียดผสมกับน้ำมันมะพร้าวพอกแผลเบาหวานหรือแผลที่เกิดจากอะไรก็ได้

ไข่ขาวช่วยชีวิตคน

ผู้ที่กินยาฆ่าแมลงหรือยาพิษอย่างหนึ่งอย่างใดเข้าไปให้ดีแล้วกรอกเข้าปากผู้กิน ยาพิษนั้น ก็จะอาเจียนออกมาหายแน่ ไข่ขาวที่ให้กินนั้นไม่จำกัดจำนวน ผู้ที่กินยาเข้าไปมากก็ให้กินไข่ขาวมาก

วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

ยาแก้ท้องเสียเรื้อรัง

ต้นเหงือกปลาหมอบดแล้วหนัก ๑๐ บาท พริกไทยบดแล้วหนัก บาท กินครั้ง เม็ดกินมาก ผสมกับน้ำผึ้งปั้นลูกกลอนกินตอนเช้า และก่อนนอน แก้ธาตุเสียกระเพาะลำไส้ ฯลฯ

ยาแก้ไอทุกชนิดจิบทุกเวลา ( เว้นโรคปอด )

สุราขาว ๒๘ ดีกรีและน้ำผึ้งแท้ สองสิ่ง ละเท่า กันผสมให้เข้ากัน และดีปลีย่างไฟตำให้แตกผสมมะนาวใช้จิบเวลาไอทุกเวลา

วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

ยาต้มแก้ท้องเสีย

จันทั้งสองสิ่งละ สมอไทย สะค้าน เจ็ดมูลเพลิง ชะพลู ดีปลี ขิงแห้ง บอระเพ็ด แห้วหมู มะตูมอ่อน เปลือกโมกมัน ลูกกะดอม ผลผักชี รากแฟกหอม ดอกพิกุล ดอกบุนนาค เกสรบัวหลวง ดอกสารภี หญ้าตีนนก

วิธีดูผู้ป่วยว่าจะหายเร็วหรือหายช้า จะตายหรือไม่ตาย

ให้ผู้ป่วยพูดเองให้บอกว่าอายุเท่าไร เกิดวันอะไร ห้ามผู้อื่นพูดหรือบอกแทนแม้ว่าผู้ป่วยจะพูดผิดบอกไม่ตรง ก็ให้ถือเอาเป็นว่าถูกต้อง ให้เอาอายุที่ผู้ป่วยบอกตั้งแล้วเอากำลังของวันบวก ได้เท่าไหร่แล้วเอา คูณ เมื่อคูณได้แล้วให้เอา หาร เมื่อหารได้แล้วให้ดูเศษนั้นว่าเป็นเศษนั้นว่าเป็นเศษเท่าไรเศษ ทายว่าหายช้าไข้หนักหรือตาย เศษ ฝ/ ทายว่าไม่ตายแต่หายช้าได้เศษมากเท่าไหร่ยิ่งหายเร็วเช่นเศษ - - - - - - - ทั้งนี้ให้เอาแต่อายุและวันเท่านั้นปีและเดือนไม่เอา การขึ้นอายุใหม่ก็ให้ถือเอาเดือน ของไทยเป็นปีใหม่

กำลังของวัน

วัน กำลัง

วัน ๑๕

วัน กำลัง

วัน ๑๗

วัน ๑๙

วัน ๒๑

วัน ๑๐

หลักวิชานี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ทางโหราศาสต์ ใช้ตรวจดูผู้ป่วยเป็นแนวทางของการรักษาโรค

วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

ยาอ้วนพี

ให้เอารากหนอนตายอยาก ชั่ง บอระเพ็ด ยาวเท่รอบวงศรีษะ ยาสองอย่างนี้ตำรวมกัน แล้วคั้นเอาแต่น้ำเหมือนน้ำกะทิ กรองให้ดี ตวงประมาณ ชั่ง แล้วเอาน้ำผึ้งตวง ด้วยกันเจ็ดวันหรือสามเดือนจึงรับประทานดีนักแล เมื่อรับประทานยานี้ให้รับประทาน ถ้วย ตะไลตามธาตุหนักและธาตุเบา

ยาแก้สารพัดโรคและบำรุงกำลัง

ลูกจันทร์หนัก เฟื้อง ดอกจันทร์หนัก สลึง ลูกกระวานหนัก สลึง การบูรหนัก สลึง ดีปลีหนัก สลึง เฟื้อง พิลังกาสาหนัก สลึง อำพันหนัก สลึง เฟื้อง โกฏสอหนัก บาท โกฏเขมาหนัก บาท เฟื้อง เทียนดำหนัก บาท สลึง เทียนแดงหนัก สลึง เฟื้อง เทียนตาตั๊กแตนหนัก สลึง เฟื้อง เทียนแกลบหนัก สลึง ขิงแห้งหนัก สลึก เฟื้อง เจตมูลเพลิงหนัก บาท สมอไทยหนัก บาท เฟื้อง สมอเทศหนัก สลึง บุกลอ ( บกหวาน ) หนัก สลึง เฟื้อง กานพลูหนัก ๑๐ สลึง หัสคุณเทศหนัก บาท สลึง เฟื้อง ใบกัญชาเทศหนัก ๓๑ บาท สลึง เฟื้อง พริกไทยอ่อนหนัก ๓๐ บาท สลึง เฟื้อง ต้นเหงือกปลาหมอลูกดอกใบหนัก ๑๐ บาท ยานี้แก้โรคเรื้อน มะเร็งริดสีดวง ง่อย แก้พุงโร ไส้พอง ท้องใหญ่ ท้องมาน ไส้เลื่อน หิด ๒๐ จำพวก ลม ๑๐๘ จำพวก แก้กุตถัง ๒๐ จำพวก แก้เสมหะ ๒๐ จำพวก รวมทั้งหอบหืดด้วย แก้ตามืดตาฟาง หูหนวก - ตึง เดินมักเจ็บสะโพกหลังเสียดแทงลมจุกอก ขี้เรื้อนคุตทะลาด บาดทะยัก ลมกะตุกทั้งสารพางกาย ลมชักหาวเรอ จามไอทุกค่ำเช้า บวมช้ำทั้งตัวฝีดาษ ลมวิงเวียนศรีษะ ลมชักปากเบี้ยว ตาแหกเจ็บคอหอย ลมปัสสาสาส โลหิตมาไม่สม่ำเสมอ ธาตุทั้ง ไม่เสมอกัน ลมมักให้นอนหลับและไม่หลับ ลมมักให้ขึ้งโกรธ มือตายตีนตายเดินไม่ได้ ( บดเป็นผงละลายน้ำผึ้ง หรือนมวัวหรือเนย ปั้นเม็ด เท่า เม็ดในพุดซากินวันละ เวลา ) ยานี้ดีมากและเป็นอายุวัฒนะด้วยได้ใช้มามากแล้ว