ปวดหัวไม่ใช่โรคแต่เป็นอาการชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความหมายเพียงว่าผู้นั้น กระเพาะอาหาร ตับ ลำไส้ ทำงานผิดปกติ หรือผู้นั้นกินอาหารไม่ถูกต้องจึงเกิดปวดหัวขึ้น
อากรปวดหัวอาจเกิดจากโรคร้ายแรงของสมอง ระบบกระแสโลหิตและอาจจะเป็นอาการร่วมอย่างหนึ่งที่พบกับโรคอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสมองหรือศีรษะเลย
อาการปวดหัวแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ 1. เกิดจากภายในกะโหลกศีรษะ 2. เกิดจากที่อื่น ๆ
1. อาการปวดหัวเกิดจากภายในกะโหลกศีรษะนั้น อาจเกิดจากเนื้องอกในสอง ฝีในสอง กามโรคของสมอง หรือการอักเสบของเยื่อหุ้มสมอง
2. เกิดจากที่อื่น เช่นใช้สายตามากเกินไป หรือโพรงจมูกอักเสบทำให้ปวดหัวบริเวณด้านหน้าของศีรษะ ถ้าปวดเนื่องจากใช้สายตามาก นอนหลับพักฟ่อนอาการปวดหัวก็หาย แต่อาการหวดหัวเกิดเนื่องจากโรคอื่นจะไม่หาย เช่น เกิดจากพิษของเชื้อโรค ซึ่งทำให้เกิดอาการอักเสบชนิดเฉียบพลันและรุนแรงก็ทำให้เกิดปวดหัวได้ และมักจะมีไข้ร่วมด้วย การกินอาหารที่ ย่อยยาก หรือดื่มเหล้ามาก กาแฟมาก หรือสูบบุหรี่มากก็ทำให้ปวดหัวได้ คนที่เป็นโรคเส้นประสาทมักจะปวดหัวทางด้านหลังของศีรษะและคอ เพราะปวดเนื่องจากการตึงเครียดของประสาทอาการปวดเนื่องจากความดันสูง เส้นโลหิตแดงแข็ง หรือการ พักผ่อนนอนหลับน้อยไปก็ปวดหัวได้ ดังนั้นการรักษาจึงต้องด้นหาต้นเหตุและค่อยแก้ไขใช้ยารักษาโรค
ที่สำคัญต้องแก้ไขอุกนิสัยอันเป็นต้นตุของการปวดและทำลายสุขภาพ และอย่างพยายามแก้ด้วยยาระงับอาการปวดยาเหล่านั้นอาจระงับความเจ็บปวดได้ชั่วคราว แต่อาจทำให้ความปวดรุนแรงเกิดขึ้นภายหลังได้ เพราะว่ายาที่แก้ปวดทุกชนิดมีพิษมีโทษอยู่ในตัว
มีคนไข้ปวดหัวมานานปี รักษาทั้งหมอจีนหมอไทย หมอผรั่ง และยาแก้ปวดทุกชนิดหาซื้อมารักษา แต่หายปวดได้ชั่วคราว เมื่อหมดฤทธิ์ยาอาการปวดก็ทวีขึ้น ยาก็ต้องเพิ่มมากขึ้นมีคนแนะนำมาหาอาตมา อาตมาได้แนะนำให้เขาเอารากบวกกลมไปต้มน้ำกิน เขาหารากบวกกลมกไม่ได้ ด้วยเอารากฝักเขียวต้มกิน ปรากฏว่า กินแล้วได้ผลดีจึงต้มกินติดต่อกันสามวัน ตั้งแต่นั้นมาอาการปวดหัวไม่เป็นอีก นี่แหละนาเขาว่า “ลางเนื้อชอบลางยา” แต่หากว่าแระมาทแล้ว “ลางยาอาจจะไม่ถูกกับลางเนื้อก็ได้” ดังนั้น เวลาใช้ยาจึงต้องระมัดระวังให้ดีอย่าประมาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น