สมุนไพร ไทยใช้รักษาโรคที่เคยพบในประเทศ

เมืองไทยมีของดีอยู่มากมาย และหนึ่งในจำนวนนั้นก็ได้แก่ ยาสมุนไพรมากมายที่คนโบราณของเราใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ แต่ปัจจุบันเนื่องมาจากอารยะธรรมและอิทธิพลของตะวันตกแผ่เข้ามาอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมีความรู้สึกว่าความเป็นไทยเริ่มจะหมดไป จึงเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก

สมุนไพรในประเทศไทยนั้นมีมากมาย และปัจจุบันก็ได้มีการตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แม้กระทั่งโครงการใน พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ได้โปรด ให้รวมไว้เข้ากับโครงการ

สมุนไพรบางอย่างนั้นบางทีเราเห็นเป็นเพียงท่อนไม้ธรรมดา แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านก็ได้ทำการทดลองและพิสูจน์และปรากฏว่า สามารถรักษาโรคได้มากมายอย่างน่าพิศวง ขอมูลนี้เป็นการรวบรวมสมุนไพรที่สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้ดีของสำนักวัดถ้ำอุโมงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการค้นคว้าสมุนไพรที่ใหญ่แห่งหนึ่งของภาคเหนือมาเสนอแก่ท่านหวังว่าท่านคงจะได้รับประ โยชน์จากมันพอสมควร

การรู้จักป้องกันรักษาโรคที่เริ่มเป็นนั้น มันรักษาง่ายไม่ต้องเสียทรัพย์และเสียเวลาทนทุกข์ทรมาน และเสียเวลาทำมาหากิน เปรียบเหมือนไฟกำลังจะไหม้บ้าน ถ้าเรารู้เท่าทันน้ำขันเดียว หรือผ้าขี้ริ้วผืนเดียวเราก็ดับไฟได้ แต่ถ้าเรารู้เท่าไม่ถึงกาล ปล่อยให้ไฟลุกลามไปมากแล้ว ถึงแม้น้ำมากมายก็เป็นการยากที่จะดับไฟได้ ฉันใดก็ฉันนั้น เพราะฉะนั้นการรู้จักดูแลสุขภาพ และรู้จักใช้ยาสมุนไพรที่ใกล้มือเราปฐมพยาบาลด้วยวิธีง่าย ๆ ประหยัด และทั่วถึง จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของเราทุกคน ทุกเพศทุกวัย ชีวิตจึงจะมีความสุขความเจริญก้าวหน้า เมื่อเรามีสุขภาพดี ร่างกายสมบรูณ์ จิตใจ ย่อมมีความสดชื่นแจ่มใส ไม่ว่าจะเป็นทางการงาน ทางวาจา และทางกิริยาต่าง ๆ ที่แสดงออกมา ย่อมมีความสุภาพอ่อนโยนนี้ เป็นมูลฐานช่วยสร้างเสริมบุคลิกและสง่าราศีให้แก่ตนเอง เมื่อเราไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ร่างกายย่อมสมบูรณ์ จิตใจแน่วแน่มีอารมณ์ดี มีภูมต้านทานดีต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคในชีวิตประจำวัน แม้ว่าทางสังคมมีความวุ่นวาย มีคนมารบกวนก้าวร้าวเราก็มีอารมณ์ดีอภัยให้กันได้ ลักษณะอย่างนี้เป็นบรรทัดฐานความเป็นอยู่ในการดำรงชีวิตประจำวัน เป็นมูลฐานป้องกันโรคพยาธิ ตัดต้นตอเหตุร้ายนานาประการไม่ให้เกิดขึ้น ขอให้ท่านผู้อ่านจงพิจารณาแล้วปฏิบัติอยู่ในทำนองครองธรรมชีวิจึงจะมีความสงบสุข ต่อไปจะได้กล่าวถึงตำรายาสมุนไพรให้ท่านที่สนใจได้ทราบและนำไปให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ยาแก้พิษบาดทะยัก

ใช้หนังควายกว้าง 12 คูณ 13 นิ้ว ตากแห้งเผาไฟเป็นขี้เถ้าบดให้ละเอียดเก็บใส่ขวดไว้ เวลาต้องการใช้ 1 ช้อนคาวผสมเหล้าขาว 1 ก๊งคนให้เข้ากันให้ผู้ป่วยกิน เมื่อยาลงถึงท้องผู้ป่วยสักพักมือเท้าจะค่อย ๆ อ่อนลง และจะถ่ายพิษบาดทะยักออกเป็นสีดำ รอสัก 30 นาที ให้ผู้ป่วยกินยาอีกครั้งแล้วรอเวลาตามกำหนด ถ้าผู้ป่วยหายแล้วให้หยุดยา ถ้ายังไม่หายก็ให้ยาเป็นระยะจนกว่าผู้ป่วยจะหายเป็นปกติ ยาตำรับนี้ได้ช่วยให้คนป่วยรอดจากความตายมาแล้วหลายคน

ถูหนาม เข็ม เบ็ด เสี้ยม ลูกปืน ฝังเข้าไปในเนื้อไม่ต้องผ่าออกให้เอาใบพุงดอ 1 กำมือ งาดำ 1 กำมือ ตำรวมกันแล้วพอกที่แผล ถูกเสี้ยน หนาม ตำฝังเข้าไปในเนื้อ มียาแก้ดังนี้

1. ให้เอาหัวหอมแดง 5 หัว ขี้ใต้ไม่จุดไฟ 1 หัว แม่มือเกลือทะเล 3 เม็ด ตำรวมกันพอกที่แผล จะดูดเอาเสี้ยนหนามออกภายใน 10 นาที

2. ใช้เมล็ดฟักทองตำให้แหลกแล้วขยำกับน้ำปิดแผลถูกเสี้ยนหนามตะปู “ตำ ทิ่ม ยอก” จะดูดพิษให้หายจากเจ็บปวดได้โดยเร็ว ส่วนยางของฟักทองก็ได้ดีแก้ผื่นคันและงูสวัด

3. ตะปูตำใช้หัวขิงตำผสมสุราพอกแผล ลมพิษใช้ใบพลูขยี้พอช้ำแล้วเอาผ้าขาวบางห่อแล้วชุบเหล้าขาวทาถูบริเวณที่คันบ่อย ๆ หรือใช้ใบไพลแดงขยี้แล้วทาหรือใช้ใบลานจืดตำแล้วทา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น